ประวัติความเป็นมา
ประวัติความเป็นมา
จังหวัดปทุมธานีเดิมชื่อ “เมืองสามโคก” เป็นเมืองที่ตั้งมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา นัยว่าตั้งมาตั้งแต่ปลายแผ่นดินพระบรมไตรโลกนาถมาถึงในแผ่นดินสมเด็จพระมหินทราธิราช พ.ศ. ๒๑๑๒ กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า เมืองสามโคกจึงร้างไประยะหนึ่ง มีหลักฐานในกฎหมายเก่าลักษณะพระธรรมนูญว่าด้วยการใช้ตราราชการ พ.ศ.๒๑๗๙ ในแผ่นดินของ สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง แห่งกรุงศรีอยุธยา ระบุว่า สามโคก เป็นหัวเมืองขึ้นกับกรมพระกลาโหม จึงแสดงให้เห็นว่าเมืองสามโคก มีฐานะเป็นเมืองมาก่อนแล้วตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
ครั้นในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา คือเมื่อ พ.ศ. ๒๒๐๒ มังนันทมิตรได้กวาดต้อนครอบครัวมอญ เมืองเมาะตะมะ อพยพหนีภัยจากศึกพม่าเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ครอบครัวมอญเหล่านั้นไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านสามโคก จากนั้นมาชุมชนสามโคกได้พัฒนาขึ้นมาตามลำดับ สามโคกนี้ใกล้กับวัดสิงห์ เขตอำเภอสามโคกปัจจุบัน ในปัจจุบันยังมัโคกดินโบราณสำหรับเผาโอ่งอ่างของชาวมอญในสมัยโบราณเหลืออยู่เพียง ๒ โคก
ต่อมา พ.ศ. ๒๓๑๗ ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแห่งกรุงธนบุรี ชาวมอญได้อพยพหนีพม่าเข้ามาพึงพระบรมโพธิสมภาร เรียกว่า “ครัวมอญพระยาเจ่ง” สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งบ้านเรือนที่สามโคก และในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ พ.ศ. ๒๓๕๘ ได้มีการอพยพชาวมอญครั้งใหญ่จากเมืองเมาะตะมะ
เข้าสู่ประเทศไทยเรียกว่า “มอญใหม่” พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ชาวมอญบางส่วนตั้งบ้านเรือนอยู่ที่สามโคกบ้าง เมืองนนทบุรี และเมืองนครเขื่อนขันธ์บ้าง (อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ) ฉะนั้น จากชุมชนที่ขนาดเล็ก “บ้านสามโคก” จึงกลายเป็น “เมืองสามโคก” ในกาลต่อมา
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงเอาพระทัยใส่ดูแลทำนุบำรุงชาวมอญเมืองสามโคกไม่ได้ขาด ครั้งเมื่อเดือน ๑๑ พ.ศ. ๒๓๕๘ ได้เสด็จประพาสที่เมืองสามโคก ซึ่งตรงกับเทศกาลออกพรรษาเดือนสิบอ็ด และประทับที่พลับพลาริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งซ้ายเยื้องเมืองสามโคก ยังความ ปลาบปลื้มใจให้แก่พสกนิกรชาวสามโคกเป็นล้นพ้น จึงได้พากันหลั่งไหลนำดอกบัวขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายราชสักการะอยู่เป็นเนืองนิจ ยังความซาบซึ้งในพระราชหฤทัยเป็นที่ยิ่ง จึงบันดาลพระราชหฤทัยให้พระราชทานนามเมืองสามโคกสียใหม่ว่า “เมืองประทุมธานี” และแต่งตั้ง “พระยาพิทักษ์ทวยหาร” เป็นเจ้าเมือง พร้อมยกฐานะเป็นหัวเมืองชั้นตรี ซึ่งวันนั้นตรงกับวันที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๓
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณดังกล่าว ชื่อเมือประทุมธานีจึงได้กำเนิดนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้โปรดเกล้าฯ ให้ขยายพื้นที่การทำนาขุดคลองรังสิต ในบริเวณทุ่งหลวงตะวันตก ได้มีผู้คนหลั่งไหลอพยพเข้าไปตั้งบ้านเรือน ทำไร่ ทำนา เป็นอันมาก จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเมืองใหม่เพิ่มขึ้น มีชื่อว่า “เมืองธัญบุรี” ในปี พ.ศ. ๒๔๔๕
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ได้มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ใช้คำว่า “จังหวัด” แทน “เมือง” โดยทั่วกันตั้งแต่วันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ เมืองประทุมธานี จึงเปลี่ยนมาเป็น จังหวัดประทุมธานี ขึ้นอยู่ในมณฑลกรุงเก่า และเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๑ ทรงเปลี่ยนชื่อ “ประทุมธานี” เป็น “ปทุมธานี” ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ยุบจังหวัดธัญบุรีขึ้นกับจังหวัดปทุมธานีเมื่ พ.ศ. ๒๔๗๕
นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้พราราชทานนาม เมืองปทุมธานี เป็นต้นมา จังหวัดปทุมธานีก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับ เป็นจังหวัดที่อุดมสมบูรณ์มีศิลปวัฒนธรรม และเอกลักษณ์อื่นๆ เป็นของตัวเองซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวปทุมธานีภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง และเป็นจังหวัดในเขตปริมณฑลที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก
ภูมิประเทศ
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มอันอุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านใจกลางจังหวัด ในเขตอำเภอเมือง และ อำเภอสามโคก มีลำคลองธรรมชาติและคลองชลประทานหลายสายเช่น คลองควาย คลองเชียงรากน้อย คลองบางเตย คลองบ้านพร้าว คลองบ้านกระแชง คลองพระอุดม คลองบางโพธิ์ คลองแม่น้ำอ้อม คลองบางหลวง คลองรังสิตประยูรศักดิ์ คลองรพีพัฒน์ และคลองหกวา ฯลฯ
ปทุมธานี เป็นจังหวัดในภาคกลางของประเทศไทย มีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านตัวเมืองอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ไปทางทิศเหนือ ประมาณ ๔๖ กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ ๑,๕๖๕ ตารางกิโลเมตร แบ่งเขตการปกครองเป็น ๗ อำเภอ คือ อำเภอเมืองปทุมธานี อำเภอสามโคก อำเภอลาดหลุมแก้ว อำเภอธัญบุรี อำเภอหนองเสือ อำเภอคลองหลวง อำเภอลำลูกกา
อาณาเขต
ทิศเหนือ ติดกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดสระบุรี
ทิศใต้ ติดกับจังหวัดนนทบุรี และ กรุงเทพมหานคร
ทิศตะวันออกติดกับจังหวัดนครนายก และจังหวัดฉะเชิงเทรา
ทิศตะวันตกติดกับจังหวัดนนทบุรี
ข้อมูลการเดินทาง
การเดินทางจากปทุมธานีไปยังจังหวัดใกล้เคียง
นนทบุรี๒๖ กิโลเมตร
สุพรรณบุรี๘๐กิโลเมตร
ฉะเชิงเทรา๘๙กิโลเมตร
นครนายก๑๐๑กิโลเมตร
การเดินทางโดยรถยนต์
จากกรุงเทพฯสามารถเดินทางไปจังหวัดปทุมธานีได้ ๓ เส้นทาง ดังนี้
- กรุงเทพฯ – บางเขน – รังสิต – ปทุมธานี (หมายเลข ๑)
- กรุงเทพฯ – นนทบุรี – ปากเกร็ด – ปทุมธานี (หมายเลข ๓๔๕)
- กรุงเทพฯ – บางใหญ่ – บางบัวทอง – ลาดหลุมแก้ว – ปทุมธานี (หมายเลข ๙)
- กรุงเทพฯ – ใช้เส้นทางด่วนสายบางปะอิน – ปากเกร็ด ลงที่ทางด่วน บางพูน เลี้ยวซ้ายเข้าเส้นทางรังสิต – ปทุมธานี (หมายเลข ๓๔๖)
การเดินทางโดยรถไฟ
จากสถานีหัวลำโพง สามเสน บางซื่อ บางเขน หลักสี่ ดอนเมือง เดินทางโดยรถไฟไปลงที่สถานีรังสิต แล้วต่อรถโดยสารจากสายรังสิต – ปทุมธานี สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. ๑๖๙๐, ๐๒-๒๒๓-๗๐๑๐, ๐๒-๒๒๓-๗๐๒๐, ๐๒-๒๒๐-๔๓๓๔,๐๒-๒๒๐-๔๔๔๔ หรือที่เว็บไซต์ www.railway.co.th
รถโดยสารประจำทาง
- รถธรรมดาสาย ๓๓ สนามหลวง – ปทุมธานี
- รถธรรมดาสาย ๙๐ รัชโยธิน – ท่าน้ำปทุมธานี
- รถธรรมดาสาย ๒๙, ๓๔, ๓๙, ๕๙, ๙๕ รถปรับอากาศสาย ๑๘๕, ๕๐๓, ๕๑๐, ๕๑๓, ๕๒๐, ๕๒๒, ปอ. ๒๙, ปอ. ๓๔, และ ปอ. ๓๙ ลงรถที่รังสิต แล้วต่อรถสาย รังสิต – ปทุมธานี
- รถร่วมบริการสาย ๑๐๔ (สถานีขนส่งจตุจักร – ปากเกร็ด) หรือสาย ๓๒ (วัดโพธิ์ – ปากเกร็ด) แล้วต่อรถสาย ๓๓ และ ๙๐ จากปากเกร็ดไปจังหวัดปทุมธานี
สอบถามรายละเอียดเส้นทางเดินรถ ขสมก. เพิ่มเติมได้ที่ โทร. ๑๘๔ หรือที่เว็บไซต์ www.bmta.co.th
การเดินทางโดยเรือ
จากกรุงเทพฯ โดยสารเรือด่วนเจ้าพระยาไปลงที่ท่าน้ำนนทบุรี แล้วต่อรถสายนนทบุรี – ปทุมธานี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. ๐๒-๒๓๖-๐๐๑-๓
การเดินทางจากอำเภอเมืองปทุมธานีไปยังอำเภอต่างๆ
อำเภอเมือง - กิโลเมตร
อำเภอสามโคก ๕ กิโลเมตร
อำเภอลาดหลุมแก้ว๑๖กิโลเมตร
อำเภอคลองหลวง ๒๒กิโลเมตร
อำเภอลำลูกกา ๓๒ กิโลเมตร
อำเภอธัญบุรี ๓๔กิโลเมตร
อำเภอหนองเสือ ๔๗กิโลเมตร