ตามรอย เสด็จประพาสต้น รัชกาลที่ ๕
ตามรอย เสด็จประพาสต้น รัชกาลที่ ๕
รัชสมัยพระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พุทธศักราช ๒๔๑๑ – ๒๔๕๓) พระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อเมืองประทุมธานีเป็นล้นพ้น พื้นที่จังหวัดประทุมธานีในอดีตในรัชสมัยพระองค์ได้จัดรูปแบบการปกครอง จัดตั้งเมืองประทุมธานี ขึ้น ณ ตำบลบางกระดี ปากคลองรังสิต ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ “หลวงอารักษ์ประชาราษฎร์” ข้าหลวงรักษาการเมืองประทุมธานี จัดซื้อที่ดิน เพราะสะดวกในการเดินทางรถไฟแล้วเสร็จในปี พุทธศักราช ๒๔๔๒ (แบ่งการปกครองเป็น ๔ อำเภอ) ทำให้มีผู้อพยพโยกย้ายเข้ามาตั้งบ้านเรือนในพื้นที่ทั้งสองเมืองมากขึ้นตามลำดับ
ในรัชสมัยพระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ มีหลายเหตุการณ์ประทับใจที่มีความเกี่ยวข้องกับเมืองปทุมธานี ดังเช่น
“วันที่ ๒๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๔๙
...เสด็จออกจากสวนดุสิตลงเรือที่ตำหนักแพวังหน้า ๕ ทุ่มถึงวันเขมา ๕ ทุ่มครึ่ง วันที่ ๒๘ เช้าโมงครึ่ง ถ่ายรูปกับพวกกรรมการผู้ใหญ่บ้าน และพระวินัยรกขิต ถวายเงินชั่ง ๑ แล้วลงเรือไปตลากบางเขนถ่ายรูปที่ด่านภาษี กลับขึ้นเรือชื่นใจผ่านหน้าวัดเขมาเวลา ๓ โมง ๑๕ มินิต จากวัดปากอ่าวถึงเทียนถวาย (วัดอยู่ในเมืองปทุม) ๔๐ นิมิต ขึ้นวัดถ่ายรูปถวายเงินสมภาร ๒๐ บาท ออกจากวัดเทียนถวายถึงบางหลวงเชียงรากเที่ยง ๑๕ ถึงดงตาลเที่ยง ๒๐ มีคนมาก ถ่ายรูปแล้วทำกับข้าว กินข้าวแล้วมีสะบ้ามอญฝนตกประปราย บ่าย ๓ โมง ๑๕ มินิต มาเรือมาดมีฝนตกตลอดทางถึงวัดท้ายเกาะใหญ่ที่จอดเรือเวลา บ่าย ๕ โมง จัดที่พักที่ ศาลา ๒ หลังต่อกันมีพิณพาทย์มอญ วันที่ ๒๙ เช้าขึ้นไปบนวัดถ่ายรูป วันนี้เรียกตามตำบลเวียงจาม เป็นพระรามัญ เป็นวัดสุดเขตปทุม พระรามัญมุนี เจ้าคณะเมืองกับพระครูเจ้าคณะรอง เจ้าคณะแขวงเจ้าอธิการและอันดับวัดอื่นๆในเขตปทุมธานีมาต้อนรับถวายวัตถุปัจจัยทั่วกันแล้ว กลับมาลงเรือออกจากวัดท้ายเกาะ ๓ โมงครึ่งแวะคลองตะเคียนซื้อผ้าเข้าเขตอยุธยา”
การเสด็จประพาสต้นเมืองปทุมธานีในครั้งนั้น พระองค์ได้เสด็จและขึ้นวัดเทียนถวาย ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง ซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของลำน้ำเจ้าพระยา ขบวนเสด็จได้เสด็จผ่านดงตาล ซึ่งในอดีตยังเป็นทุ่งกว้างที่มากด้วยต้นตาลให้ความร่มรื่น ทรงหยุดพักประกอบอาหารและเสวยพระกระยาหารมื้อกลางวันที่นี่ และทอดพระเนตรการละเล่น “สะบ้ามอญ”
พระองค์เสด็จต่อไปยังวัดท้ายเกาะใหญ่ในตำบลท้ายเกาะใหญ่อำเภอสามโคกพระองค์ได้ทอดพระเนตรปี่พาทย์มอญ และประทับแรมที่ศาลาสองหลังหน้าวัดท้ายเกาะใหญ่เป็นเวลาหนึ่งคืน
เช้าวันรุ่งขึ้น พระองค์เสด็จไปบนวัด ทรงถ่ายรูปและถวายวัตถุปัจจัย โดยมี พระรามัญมุนี เจ้าคณะเมืองรองเจ้าคณะแขวง เจ้าอธิการตามลำดับมาเข้าเฝ้ารับเสด็จ
พุทธศักราช ๒๔๓๗ (ร.ศ. ๑๑๓) พระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงมีพระราชหัตถเลขาถึงสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีกรมมหาดไทย ให้เมืองประทุมธานี นครเขื่อนขันธ์ เมืองสมุทรปราการ เป็นหัวเมืองแขวงมณฑลกรุงเทพฯ ทรงมีพระราชาธิบายว่า เป็นหัวเมืองที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯเพียงพันเส้นเท่านั้น ประกอบกับมีโจรผู้ร้ายชุกชุมให้มาสังกัดกระทรวงนครบาล เพื่อที่เวลาลาดตระเวณจะจับโจรผู้ร้าย ไม่ต้องไปขอตรา เจ้ากระทรวงมหาดไทยอีกต่อไป
สิ่งของเครื่องใช้ที่พระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงถวายพระสงฆ์และวัดต่างๆ และที่เกี่ยวข้องกับพระองค์ท่านยังคงมีปรากฏอยู่มาจนปัจจุบัน อาทิ ที่วัดท้ายเกาะใหญ่ มีปิ่นโตอลูมิเนียมขนาดใหญ่ และ ตาลปัตร ที่พระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงถวายให้พระรามัญมุนี เจ้าคณะเมืองประทุมธานี เป็นเครื่อง “สังเค็ด” ทานวัตถุที่ถวายแด่พระสงฆ์ในงานพระบรมศพพระองค์อุรุพงษ์รัชสมโภช ธรรมาสน์ตั่ง ที่วัดสำแล ตำบลบ้านกระแชง อำเภอสามโคก พระราชโอรส (รัชกาลที่ ๖) ทรงพระราชอุทิศเป็นพระราชกุศล ในพระราชพิธีถวายพระบรมศพ พระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว