เมืองพระพุทธศาสนา
เมืองพระพุทธศาสนา
ปทุมธานีถือเป็นเมืองแห่งพระพุทธศาสนาโดยแท้ จะเห็นได้จากชุมชนเมืองเก่าที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมสองฟากฝั่งแม่น้ำ ตั้งแต่อำเภอเมืองถึงอำเภอสามโคก มีวัดวาอารามตั้งเรียงรายอยู่คู่บ้านคู่เมืองไม่น้อยกว่า ๖๐ วัด อีกทั้งจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์โบราณคดีเมืองสามโคกนี้มีมาแล้วตั้งแต่ครั้งต้นแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา ทำให้มีวัดและโบราณสถานที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองและพระพุทธศาสนาเป็นอันมาก
วัดโบสถ์ ตำบลบางกระบือ อำเภอสามโคก เป็นวัดโบราณสร้างมาครั้งต้นแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา เดิมมีชื่อว่า “วัดสร้อยนางหงส์” อยู่คู่กับวัดกร่าง ซึ่งเดิมมีชื่อว่า “วัดดงดารา” ทั้งสองวัดตั้งอยู่คู่กับชุมชนโบราณโคกยายมั่นบ้านเก่า มีการขุดพบโบราณวัตถุอันเป็นหลักฐานทางโบราณคดีเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้เราได้ทราบวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยสมัยอยุธยาได้เป็นอย่างดี หลักฐานโบราณวัตถุที่พบเช่น ภาชนะดินเผาเนื้อแกร่งจากแหล่งเตาเผาบ้านบางปูน (จังหวัดสุพรรณบุรี) อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘ – ๑๙ ซึ่งมีลักษณะเด่นคือ มรการกดประทับลวดลายบริเวณไหล่ของภาชนะเป็นลายคล้ายรูปใบเสมา ลายรูปช้าง เป็นต้น ภาชนะดินเผาจากแหล่งดินเผาแม่น้ำน้อย (จังหวัดสิงห์บุรี) อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๒๐ โดยสำรวจพบภาชนะประเภทครก ไหสี่หู กระปุก หม้อดินเผา เป็นต้น ภาชนะดินเผาจากแหล่งเตาผาสุโขทัย อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๙ – ๒๐ โดยพบเป็นเศษภาชนะประเภทเครื่องถ้วยสังคโลก กระปุก ตุ๊กตาต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบเศษเครื่องถ้วยจีน ในสมัยราชวงศ์หยวนและราชวงศ์หมิง
พระประธานวัดโบสถ์ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นมีขนาดใหญ่สององค์ประดิษฐานบนฐานชุกชี มีพระพักตร์ยาวรี เส้นพระโขนงโค้งแสดงถึงการผสมผสานของศิลปะอยุธยาตอนต้นกับศิลปะสุโขทัย โดยรอบพระประธานประกอบด้วยพระลำดับหินทรายจำหลัก โบสถ์เก่าสร้างมาตั้งแต่ครั้งต้นกรุงศรีอยุธยามีสภาพชำรุด จึงได้รื้อของเดิม และสร้างโบสถ์ใหม่ในปี พุทธศักราช ๒๔๙๓
ใบเสมาวัดโบสถ์ เป็นใบเสมาหินชนวนขนาดใหญ่ เป็นเสมานั่งแท่นปักเดี่ยว มีสองหน้า ตรงกลางเสมาสลักรูปสามเหลี่ยมจอมแห บางใบสกัดขอบเสมาโดยรอบ รูปแบบเสมาวัดโบสถ์เป็นงานศิลปกรรมสมัยอยุธยาตอนต้น
วัดเจตวงศ์ ตำบลบางแขยง อำเภอเมืองปทุมธานี ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดร้างตั้งอยู่ใกล้กับพระอารามหลวงวัดชินวราราม ซึ่งเดิมพื้นที่บริเวณวัดชินวรารามในอดีตครั้งแผ่นดินกรุงศรีอยุธยาเป็นที่ตั้งของวัด ๓ วัด ได้แก่ วัดมะขามใต้ วัดคลองควาย และวัดใน ซึ่งถูกทิ้งรกร้างมาตั้งแต่ครั้งเสียกรุงปีพุทธศักราช ๒๓๑๐
เมื่อชาวมอญได้อพยพมาพึ่งพระบรมโพธสมภารในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ แห่งราชวงศ์จักรี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มาอยู่ที่สามโคกและได้รวมวัดร้างทั้งสามเป็นวัดเดียวกันเรียกว่า “วัดมะขามใต้” และต่อมา”พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์” สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ได้ทรงเปลี่ยนนามเป็น วัดชินวราราม ในปีพุทธศักราช ๒๔๘๑ ส่วนวัดเจตวงศ์ ชุมชนชาวมอญที่อพยพมาอยู่ใหม่มีจำนวนน้อยไม่มีกำลังจะบูรณะปฏิสังขรณ์ได้จึงปล่อยให้รกร้าง ปัจจุบันทางกรมศิลปากรได้ดำเนินการขุดแต่งและบูรณะวัดเจตวงศ์ให้อยู่ในสภาพที่มั่นคงแข็งแรง
หน้าบันปูนปั้นวัดเจตวงศ์ ญานด้านล่างเป็นลายหน้ากระดานประจำยามก้ามปูและปั้นเป็นแจกันมีต้นไม้ปักกิ่งและใบแผ่ออกเป็นลวดลายดอกพุดตาล มีสัตว์สิงกิ่งพฤกษา ทั้งลิง กระรอก นก เกาะกิ่ง วิ่งโลดแล่น ส่วนกลางหน้าบันปั้นเป็นรูปเทพนมบนฐานดอกบัวงดงาม
จิตรกรรมฝาผนังภาพพุทธประวัติปฐมสมโพธิตอนมารผจญ วาดไว้ในโบสถ์ตรงส่วนฝาผนังหุ้มกลองด้านหน้าลงพื้นด้วยสีแดงเขียนรูปพระพุทธเจ้านั่งบนรัตนบัลลังก์ ด้านซ้ายขวามีกองทัพพญามาร ยกทัพเข้าจู่โจมพระองค์ ตัวพญามารเป็นยักษ์มีกายสีเขียวขี่ช้าง นำไพล่พลหลายชาติ หลายภาษา เจ๊กจาม พราหมณ์ แขก ฝรั่ง ขี่เสือขี่สิงห์ กรุ้มรุมทำร้ายพระพุทธเจ้า แต่ต้องพ่ายแพ้พระแม่ธรณีบีบมวยผม น้ำไหลบ่าท่วมแผ่นดิน เหล่ามารพ่ายแพ้หกล้มจมน้ำ ถูกปลาและจระเข้ เข้ากัดทำร้าย หนีตายกันสุดชีวิต
จิตรกรรมฝาผนังภาพอดีตพระพุทธเจ้า วาดไว้ที่ฝาผนังด้านข้างภายในโบสถ์เหนือกรอบหน้าต่างไปจรดคอสอง เขียนภาพอดีตพระพุทธเจ้านั่งเป็นแถวประดิษฐานอยู่ในซุ้มเรือนแก้ว ดอกไม้ใบไม้ประดิษฐ์สวยงามด้านข้างองค์พระพุทธเจ้ามีสาวกนั่งประนมมือด้วยกริยาอันอ่อนน้อม ด้านข้างสาวกมีฉัตรทรงสูง ๓ ชั้น ตัวฉัตรนั้นทำด้วยดอกไม้ประดิษฐ์ จะเขียนภาพอดีตพระพุทธเจ้าสลับกันต่อเนื่องเป็นแนวยาวตลอดฝาผนังโบสถ์ทั้งสองด้าน ภาพจิตรกรรมวัดเจตวงศ์นับเป็นศิลป์ที่มีคุณค่ายิ่งของจังหวัดปทุมธานีที่สร้างสรรค์ด้วยแรงศรัทธาในพระพุทธศาสนาของผู้คนในอดีต
วัดสะแก ตำบลสามโคก อำเภอสามโคก เป็นวัดโบราณ มีมาตั้งแต่ครั้งแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา และถูกปล่อยให้รกร้างไประยะหนึ่งเมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาปีพุทธศักราช ๒๓๑๐ ภายหลังชาวมอญอพยพมาอยู่ที่สามโคก ได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์กลับคืนมาอีกครั้ง วัดสะแกนับว่าเป็นวัดที่ตั้งอยู่ในเขตตัวเมืองสามโคกเก่าซึ่งยังคงเหลือร่องรอยโบราณสถาน โบราณวัตถุให้ศึกษาอ้างอิง ถึงยุคสมัยและรูปแบบศิลปกรรมงานช่างอยู่บ้าง เช่น กุฏิเรือนไทย ๕ ห้อง ธรรมาสน์บุษบก หอระฆัง เจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง พระพุทธรูป และวิหาร
เจดีย์วัดสะแก สถูปเจดีย์นับเป็นสถาปัตยกรรมงานช่างศิลป์ในพระพุทธสาสนาที่มีมายาวนาน ส่วนใหญ่จะนิยมก่อเป็นเจดีย์คู่ไว้หน้าโบสถ์เพื่อบรรจุอัฐิบิดามารดาของขุนนางอำมาตย์ผู้สร้างวัดครั้งแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา ต่อมาภายหลัง ผู้คนนิยมซื้อสถูปเจดีย์ที่ทำจำหน่ายมาก่อมาตั้งจนเต็มหน้ากำแพงโบสถ์ดูรกรุงรังไม่มีระเบียบ สำหรับเจดีย์วัดสะแกของเก่ามีรูปทรงเจดีย์แบบย่อมุมไม้สิบสอง และมีรูปแบบเจดีย์จีน (ถะ) ซึ่งแปลกแตกต่างกันไป (บางท่านสันนิษฐานกันว่าน่าจะเป็น “เสาตามประทีป” หรือเสาสำหรับใส่ตะครันที่จุดไฟ เพื่อให้แสงสว่างมากกว่า) ก่อด้วยอิฐ ฐานเหลี่ยมก่อเป็นมุมแหลมไขว้สลับ ภายในก่อเป็นช่องกลวงสามเหลี่ยมโดยรอบ ทรงสูง ฐานใหญ่ ปลายเรียว ยอดมณฑปสวยแปลกตา
วิหารวัดสะแก นับเป็นวิหารที่มีรูปแบบศิลปงานช่างของต่างวัฒนธรรมที่มารวมตัวกันเป็นวิหารวัดสะแกได้อย่างลงตัว โดยตัวอาคารวิหารเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมไทยฐานอ่อนโค้งท้องสำเภาแบบอยุธยา หน้าบันด้านหน้าตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นเป็นลายก้านขดลายฝรั่ง ศิลปะแบบ “โรโคโค” (Rococo) ของฝรั่งเศส ลายก้านขดใบและดอก “อะแคนธัส” (Acanthus) เต็มหน้าบัน ส่วนภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปศิลปะแบบมอญนั่งหันหลังพิงกัน โดยมีสถูปอยู่ตรงกลางรูปแบบ “เจดีย์ไจปุน” (Kyaipun Pagoda) แห่งเมืองหงสาวดี
พระเจ้าสี่พระองค์ พระประธานในวิหารวัดสะแกที่มีขนาดเล็กแต่มีคุณค่ายิ่ง เป็นโบราณสถานที่แสดงถึงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่เมืองสามโคกในสมัยอยุธยา ความเชื่อความศรัทธาตลอดจนอารยธรรมของชาติตะวันตกในเรื่องการก่อสร้างศิลปกรรมที่แผ่ขยายเข้ามากับการค้าการเมือง และศาสนาที่สามโคกในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
วัดมะขาม ตำบลบ้านแกลง อำเภอเมืองปทุมธานี ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาติดกับวัดศาลเจ้า เป็นวัดมาแต่โบราณที่มีมาแต่ครั้งแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ใกล้กับคลองลัดเตร็ดใหญ่และแม่น้ำเจ้าพระยาสายเก่ามาบรรจบกันปีพุทธศักราช ๒๕๑๓
โบราณสถานและโบราณวัตถุที่สำคัญของวัดมะขาม ได้แก่ โบสถ์และเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองเป็นศิลปกรรมงานช่างอยุธยาที่งดงามอยู่ในสภาพสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังมีหอระฆัง ธรรมาสน์สวด พระพุทธไสยาสน์ พระสังกัจจายน์ และพระพุทธรูปปางลีลาศิลปะสมัยสุโขทัย
หน้าบันวัดมะขาม ไม้แกะสลักรูปพระนารายณ์ทรงครุฑยืนกางปีกองค์นารายณ์เหยียบบนบ่าครุฑ พระหัถต์ถืออาวุธ ตัวครุฑยืนอยู่บนตัวนาคด้านข้างและด้านบนหน้าบันแกะสลักเป็นลายกนกก้านขดขมวดม้วนปลายช่อลายแกะสลักเป็นรูปเทพพนมข้างละสองแถวเรียงซ้อนกันไป จนจรดปลายหน้าบันฐานล่างแกะลายหน้ากระดานประจำยามก้ามปู ลายกระจังรวนและต่อลงมาด้วยลายสาหร่ายรวงผึ้ง
พระประธานวัดมะขาม พระพุทธรูปลงรักปิดทองปางมารวิชัยพุทธลักษณะงดงามแบบศิลปะอยุธยา ตั้งอยู่บนฐานยกสูงจากพื้นแล้วก่อเป็นฐานชุกชีประดิษฐานพระพุทธรูป โบสถ์วัดมะขามฐานแอ่นโค้งเป็นท้องเรือสำเภา เป็นรูปแบบงานช่างที่นิยมสร้างเป็นเอกลักษณ์ในส่วนของฐาน โบสถ์ วิหาร และเจดีย์ในสมัยอยุธยา
ปทุมธานี ณ ปัจจุบัน
“ถิ่นบัวหลวง เมืองรวงข้าว เชื้อชาวมอญ นครธรรมะ
พระตำหนักรวมใจ สดใสเจ้าพระยา ก้าวหน้าอุตสาหกรรม”