อาคารเรือนแพขาว
อาคารเรือนแพขาว
สร้างขึ้นเมื่อราว พ.ศ. ๒๔๖๐ ในคราวเดียวกันกับการย้ายส่วนราชการ จากบ้านโคกชะพูล มายังฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาที่ตำบลบางปรอก เดิมเป็นส่วนหนึ่งของจวนข้าหลวง ใช้เป็นเรือนรับแขก ลักษณะเป็นอาคารไม้รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ทาสีขาว ทรงมะนิลานิยมสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๖ พ.ศ. ๒๔๖๐ แต่ก่อนมีลวดลายฉลุไม้แบบหยาดน้ำฝน รอบเชิงชายและมีลายฉลุไม้เป็นลายนกกระจาบช่องลมเหนือ ประตูห้องสวยงาม ซึ่งระหว่างห้องพักกับห้องโถงเป็นเรือนรับรองแขกสมัยโบราณ ตัวอาคารโปร่งรับลม หันหน้าออกสู่แม่น้ำ อาคารเรือนแพขาว มีประวัติในการใช้เป็นที่รับรองบุคคลสำคัญมาแล้วในอดีต เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ ๒ รัฐบาลแห่งสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น ได้ประกาศสงครามกับอังกฤษและอเมริกา เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ขณะนั้นรัฐบาลไทยได้ร่วมวงศ์ไพบูลย์ด้วย ในปี พ.ศ. ๒๔๘๕ ญี่ปุ่นได้ยกกองทัพขึ้นบกผ่านประเทศไทย และสงครามมหาเอเชียบูรพา กำลังรุนแรงขึ้นอย่างเอาเป็นเอาตายระหว่างสงครามเวลานั้นหลวงอุตรดิตถาภิบาล (เนื่อง ปาญิกบุตร) เป็นข้าหลวงประจำจังหวัดปทุมธานีคนที่ ๑๓ จึงย้ายที่ทำการศาลากลางจังหวัด ไปอยู่ที่วัดชินวรารามวรวิหาร ตำบลขะแยง อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานีเป็นการชั่วคราวส่วนแพขาวนั้น พลโทพระยากลาโหมราชเสนา (เล็ก ปาญิกบุตร) อพยพหนีภัยสงครามออกจากกรุงเทพฯ มาพักอาศัยอยู่เพื่อบัญชาการสอดส่องควบคุมดูแลความเคลื่อนไหวของกองทัพญี่ปุ่น แล้วจึงย้ายกลับเข้ากรุงเทพฯ
เมื่อสงครามสงบลงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ พร้อมด้วย พระอนุชา (รัชกาลที่ ๙ ปัจจุบัน) เสด็จประพาสเยี่ยมทุกข์สุขราษฎร ในจังหวัดนนทบุรีและจังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ พระองค์ทรงประทับ ณ แพขาว ทรงทอดพระเนตรการแข่งขันเรือแข่งหน้าพระที่นั่งที่เรือนแพขาว เป็นเรือวัดหงษ์ปทุมาวาส ๓ ลำ เรือปราบนาวา และเรือชัยนาวา เป็นผู้ชนะ ผู้เข้าแข่งขันเรือได้รับพระราชทานรางวัลเป็นผ้าขาวม้า คนละ ๑ ผืน ครั้นพระองค์เสด็จพระราชดำเนินกลับไม่นาน เพียงเดือนเดียวก็เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๙
และเมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๑ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประทับพักผ่อนอิรอยาบถ เพื่อทอดพระเนตรทัศนียภาพของแม่น้ำเจ้าพระยา ณ เรือนแพขาว เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินยังจังหวัดปทุมธานี